
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ เดิมเรียกกันง่ายๆติดปากว่า "พืชสวนโลก" เพราะเป็นสถานที่จัดรวมพรรณไม้นานาพันธ์ุ เปิดให้ประชาชนเข้าชม ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2549 ภายใต้ชื่อ "มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549" เดิมทีประชาชนทั่วไปคิดว่าคงจัดในช่วงเวลาหนึ่งและหลังจากนั้นคงเลิกราไป แต่เนื่องจากการจัดงานในครั้งนั้น ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทางคณะรัฐมนตรี จึงได้มีมติให้ดำเนินการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดมา จวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันนี้ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ถือได้ว่า เป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ จัดโดยรัฐบาลเปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม โดยมีคำเรียกในภาษาอังกฤษว่า Royal Park Rachapruek ในบางครั้งชาวต่างชาติจะเรียกว่า Royal Flora Rachapruek ตามความนิยมของชาวต่างชาติ

ขออนุญาติบอกกล่าวเล่าสิบกันสักนิดนะครับ
อุทยานหลวงราชพฤกษ์ หมายถึง สวนของพระมหากษัตริย์
ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน (ลมแล้ง ภาษาพื้นเมืองภาคเหนือ) นั้น ได้รับการยกให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย และด้วยชื่ออันเป็นมงคลยิ่ง (ราชพฤกษ์ : ต้นไม้ของพระราชา) ดังนั้นชื่อดอกราชพฤกษ์จึงถูกใช้เป็นชื่อของอุทธยานหลวงแห่งนี้นั่นเอง
ผมเองได้ไปเชียงใหม่ทุกปี บางปีอาจได้ไปเมืองเชียงใหม่มากกว่า 1 ครั้ง แต่ไม่ทราบว่าทำไม ยังไม่เคยเข้าไปเที่ยวชมอย่างเป็นทางการเลยสักครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ เลยได้คุยกับคุณแหม่มว่า เราน่าจะไปเที่ยวชมอุทยานราชพฤกษ์ กันแบบเจาะลึกสักครั้ง ซึ่งได้รับการตอบรับทันทีทันใด

บริเวณทางเข้าอุทยานฯ

สำหรับพิกัดแผนที่ ผมได้ลงไว้ให้ส่วนท้ายของบทความนี้ การเดินทางไปง่ายหาไม่ยาก แต่ที่นี่ วันธรรมดาเปิดบริการถึงแค่ 6 โมงเย็นเท่านั้นนะครับ ไม่เหมือน สวนสัตว์เปิดกลางคืนนะครับ เดี๋ยวจะเสียเที่ยวเปล่า
บัตรเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ผู้ใหญ่ราคา 100 บาท เด็กราคา 70 บาท คุ้มมากครับ ผมไม่รู้สึกเสียดายเงินค่าเข้าชมเลย ส่วนเด็กต่ำกว่า 100 ซม เข้าชมฟรีนะครับ
การท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ เลือกได้ 5 แบบนะครับ แบบที่ 1 รถพ่วงภายในอุทยานฯ นั่งฟรีครับ เขาจะจอดเป็นจุด และมี การบรรยายไปตลอดเส้นทาง ท่านสามารถลงจากรถตามจุดจอดเพื่อเข้าชมกิจกรรมต่างๆได้ตามความสะดวก แต่ละจุดจอดจะมีตารางการเดินรถชัดเจน ท่านไปเดินเที่ยวแล้วกลับมารอที่เดิมเพื่อรอขึ้นรถคันต่อไป ไม่ยากใช่มั๊ยครับ ต่อมา แบบที่สอง เช่ารถกอล์ฟ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้า ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อนักท่องเที่ยวท่านอื่น ราคาไม่ทราบ หากท่านสนใจ ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ดูนะครับ แบบที่ 3 เช่ารถจักรยานขี่ ราคา 60 บาท ต่อคัน ขี่ไปได้ไม่มีการกำหนดเวลา แต่ต้องคืนก่อนอุทยานปิด แบบที่ 4 เป็นรถไฟฟ้า สองล้อแบบยืน รายการนี้ผมไม่ทราบราคาเช่นกัน แต่ได้ยินแว่วๆ แพงอยู่ครับ สำหรับแบบสุดท้าย เดินเท้าครับ เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็ขึ้นรถพ่วง

