หมาใจดำ เชียงใหม่ แด่ความสวยงามของชีวิตและอารมณ์ ร้านกาแฟที่ไม่ได้จำหน่ายเฉพาะกาแฟ แต่มาพร้อมกับเหล้าหลากชนิด คนไม่ทานเหล้าก็ฟินกับบรรยากาศสถานที่ ปลอดโปร่ง โล่งสบาย
ที่ตั้งของร้าน 141 ม. 7 บ้านปูคาใต้ซอย 18 ตำบล แม่ปูคา อำเภอ สันกำแพง เชียงใหม่ 50130
โทร 085 030 5003 เวลาบริการ 08:00-18:00 น
👉 อบอุ่น
👉 ง่ายๆ
👉 สบาย และ เหมาะสำหรับเด็ก

เรื่องมีอยู่ว่า เชฟโอและคุณแหม่มไปรับประทานอาหารกลางวันที่เฮือนใจ๋ยอง เป็นร้านอาหารเหนือที่ไม่ธรรมดา กับอาหารรสชาติดีๆ อร่อยๆ เมื่อทานอาหารเสร็จได้พยายามหาร้านกาแฟ เพื่อจะได้ไปเก็บรูปมาฝากเพื่อนๆกัน พอดีค้นเจอร้านกาแฟ ชื่อแปลกๆ ออกจะกวนทรีนนิดๆ เลยบอกคุณแหม่มว่า เราลองไปดูกันเถอะ อยากรู้ว่าทำไมถึงตั้งชื่อแบบนี้ "ร้านกาแฟ หมาใจดำ" จึงออกเดินทางมาตาม จีพีเอส

เวลาที่มาถึงประมาณ 4 โมงเย็นแล้ว ร้านยังไม่ปิดครับ จอดรถหน้าทางเข้า แล้วลุยเข้าไปเลย ดูตอนแรกนึกว่าเป็นบ้านสไตล์แบบชนกลุ่มน้อยแบบชาวเขา แต่เมื่อผ่านประตูเข้าไปแล้ว เออ มันกว้างมาก ช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงเทศกาล ก็เลยไม่มีคนครับ มีเชฟโอกับคุณแหม่ม 2 คน ถึงจะดูเงียบเชียบ แต่รู้สึกว่ามีมีเสน่ห์ ดึงดูดให้เราอยากเข้าไป


ผ่านประตูเข้ามา เจอแมสคอท หมาสีครีมตัวเขื่องยืนต้อนรับแขกอยู่ที่ทางเข้า ยืนไม่ยืนเปล่า เขาฉี่ตลอดเวลา ช่วงกวนยิ่งนัก นั่นแปลว่า เข้าของที่นี่ มีอารมณ์ศิลปินพอตัวอยู่ สนามหญ้าที่นี่เขียวขจี ไม่มีวัชพืชแม้แต่น้อย แสดงว่า เขาดูแลกิจการและตกแต่งสถานที่เอง
ประกอบกับการรักษาต้นไม้ใหญ่ แผ่ปกคลุมเกือบทั่วบริเวณของสถานที่ ร่มเย็น สบายกาย สบายใจจริงๆวันที่เชฟโอและคุณแหม่มไปนั้น เป็นช่วงที่พายุเข้าไทย ทำให้มีฝนตกประปราย เป็นช่วงๆ จึงทำให้ไม่ร้อนเลย ไปไหนก็มีแต่ความสุข

เดินไปเรื่อยๆ ร้านอยู่สุดสนามหญ้าโน่น เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่ บาริสต้า เตรียมตัวต้อนรับเราอย่างดี ก่อนที่ผมและคุณแหม่มจะสั่งเครื่องดื่ม ผมได้ถามน้องบาริสต้าว่า "ทำไมถึงตั้งชื่อร้านว่า หมาใจดำ"
คุณน้องบาริสต้าตอบว่า เดิมชื่อ "แมวใจดี" ต่อมาเจ้าของได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "หมาใจดำ"
ผมก็ถามต่อไปว่า "แล้วเจ้าของเลี้ยงหมาเยอะเหรอ" เขาบอกว่า มีแค่ตัวเดียวครับพี่ ที่เห็นนอนแผ่สองสลึงอยู่โน่น ขอประทานอภัย ไม่ได้เก็บรูปน้องหมาตัวจริงๆมาด้วย

ดูสโลวแกนเขาสิครับ "แด่ความสวยงามของชีวิตและอารมณ์" ผมจินตนาการตามไปว่า ขณะตั้งสโลว์แกนนี้ คงจะกรึ่มๆ แต่ว่า มันเท่ห์ดี เห็นด้วยใช่รึเปล่าครับ แฮ่....

เริ่มเห็นร้านกาแฟแล้วใช่รึเปล่า นั่นแหละครับตัวร้านกาแฟ และยังมีสินค้าอย่างอื่นด้วย มันคืออะไรเหรอ ตามเชฟโอมา เดี๋ยวพาไปดูครับ
อ้าวคุณแหม่มเดินจ้ำไปนู่นแล้ว เชฟโอยังเก็บภาพ รัวๆอยู่แถวๆหน้าร้านอยู่เลย

เดินตามเข้าไปด้านใน และเก็บภาพย้อนออกมาให้เห็นบรรยากาศหน้าประตูทางเข้า เป็นอย่างไรครับ สงบ ร่มเย็น เก้าอี้ที่จัดให้ก็หลวมๆ ไม่ได้ชิดกันจนอึดอัด

เกือบถึงร้านแล้ว ร้านสวยครับ การออกแบบดี มีช่องระบายลมด้านบน ทำให้ตัวร้านไม่ร้อน


ทัพหน้าของผม สำรวจร้านและพร้อมสั่งเครื่องดื่ม เป็นอย่างไรครับ ร้านไม่เล็ก ไม่ใหญ่ แต่ตกแต่งและจัดร้านได้ดี ไม่รกหู รกตา สินค้าเป็นสัดส่วน


ที่นี่นอกจากจำหน่ายเครื่องดื่ม ร้อน-เย็น แล้วยังจำหน่ายเมล็ดกาแฟ คั่วแล้วด้วย สำหรับท่านที่ถูกใจรสชาติและอยากกลับไปชงต่อที่บ้าน จัดไปครับ

แพคเกจ ดูดี ความเข้มมี 3 ระดับ ใครชอบระดับไหนก็จัดระดับนั้นนะครับ

ดูให้ดีที่ขวด Wine Coffee กาแฟกลิ่นไวน์ สูตรเฉพาะของที่นี่ ไอ้เรื่องเมาคงไม่ทำให้เมาได้เพราะแอลกอฮอล์ คงระเหยไปหมดคงเหลือเฉพาะกลิ่น ท่านที่สนใจ ลองสั่งดูนะครับ

เรามาดูอย่างอื่นในร้านกันบ้าง น่าสนใจไม่แพ้กันนะครับ

มันคือสุราพื้นบ้านจากดอกมะพร้าว มีหลายกลิ่นหลายรส วันนี้เชฟโอไม่ได้ลองครับ เนื่องจากเป็นคนขับรถ เดี๋ยวงานจะเข้า



จากในร้านมองออกมา จะเห็นน้ำพุ ยิ่งทำให้อากาศดียิ่งขึ้น น้ำพุในยามหน้าร้อน จะเป็นตัวสร้างลมครับ เนื่องจากบริเวณน้ำพุ จะมีความแตกต่างของอุณหมูิและความชื้น ช่างเป็นความคิดที่ชาญฉลาดนัก

นู่นครับ คุณแหม่มไปนั่งรออยู่ไกลๆนู่นแล้ว ได้เครื่องดื่มไปเรียบร้อย เชฟโอขอตามไปดื่มเพิ่มความสดชื่นกันหน่อย


โดมที่เห็นไกลๆนั้น เป็นที่นั่งของร้านเช่นกัน จะรับประทานเค้ก หรืออาหารที่นี่พอมีนะครับ



ที่เห็นน่ะ แก้วเดียวจิบกันสองคนครับ เพราะเราเน้นย้ายที่ไปเรื่อยๆ นอกจากกาแฟแล้ว เชฟโอชอบพวกแฟรปเป้ครับ มันเย็นชื่นใจจนหยดสุดท้าย




นั่งสบายๆ ร้านเป็นของเราที่นี่ไม่มียุงครับ ใช้ได้ เชฟโอชอบๆ

เขาคือบ๊วยปั่นครับ อร่อย เรียกความสดชื่นได้ดีทีเดียว
ส่วนข้างล่างคือสินค้าประเภทอื่นที่มีจำหน่ายในร้านเป็นสูตรของเขาเอง เป็นแบรนด์ไทย ขายแบบไฮเอ็น



มีเป็น กิ๊ฟเซ็ทด้วย เริ่ดจริงๆ




ปิดท้ายด้วยรูปคู่ครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ


แผนที่และเส้นทางโดยพาหนะส่วนบุคคลครับ