top of page

เส้นทางวิถีแห่งความพอเพียง สู่สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ สมุทรสงคราม - กาญจนบุรี

เส้นทางวิถีแห่งความพอเพียง สู่สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ สมุทรสงคราม - กาญจนบุรี

เส้นทางนี้เริ่มต้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศไทย และต่อด้วยจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภาคกลาง เป็นเส้นทางสีเขียวที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติทั้งภายในชุมชน แม่น้ำ ผืนป่า ที่ถูกอนุรักษ์และรักษาไว้อย่างดี รวมไปถึงการเดินทางแบบโลว์ คาร์บอน ซึ่งมีทั้งการเดินทางโดยรถไฟบนสายที่สั้นที่สุดในประเทศไทยที่มีระยะทางเพียง ๓๔ กิโลเมตร


เส้นทางวิถีแห่งความพอเพียง สู่สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์

เดินทางโดยการปั่นจักรยาน เดินเท้า หรือจะเป็นการล่องเรือจากท่าน้ำในเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน เพียงไม่กี่นาทีก็เข้าสู่บรรยากาศของป่าจากและวิถีชีวิตแบบชนบทริมน้ำ หรือจะเป็นการเดินทางที่ขับรถไต่ไปตามร่องเขาเพื่อเข้าสู่ผืนป่า ทางรถไฟและสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ ระหว่างเส้นทาง ยังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกหลากหลายให้ได้ร่วมทำ ที่สำคัญเป็นกิจกรรมที่เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นการเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว การสานใบมะพร้าว การทำขนมไทย พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้คนในชุมชม หรือแม้กระทั่งผจญภัยบนยอดไม้แบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางแบบไหน และเดินทางไปพบอะไร เรียกได้ว่าจะได้ครบทุกสัมผัส ทั้งความรู้ ความเข้าใจถึงวิถีที่เกิดขึ้น ได้เรียนรู้ถึงการมีจิตอนุรักษ์ในธรรมชาติของชุมชน มีการใช้ชีวิตบนวิถีแห่งความพอเพียง ใส่ใจดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ตระหนักถึงความสำคัญของการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ทั้งหมดนี้อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนหันมารักษาธรรมชาติและเพิ่มความเป็นสีเขียวในหัวใจ




วันที่ 1

ตลาดร่มหุบ - กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ - ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน

เป้าหมายแรกคือสถานีรถไฟแม่กลอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดร่มหุบ ตลาดแห่งเดียวในโลกที่ไม่เหมือนใคร คือเป็นตลาดที่ขายของบนรางรถไฟ ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ อาหารสด อาหารแห้ง กะปิ น้ำปลา และที่สำคัญเวลาที่รถไฟจะวิ่งเข้าหรือออกจากสถานี พ่อค้าแม่ค้าจะต้องหุบร่มที่กางไว้สำหรับกันแดด เพื่อให้รถไฟวิ่งผ่านไปได้ และเมื่อรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว จะกางร่มกลับมาเหมือนเดิม

หลังจากตื่นตาและสนุกสนานที่ตลาดร่มหุบแล้ว สามารถเดินเท้าต่อไปยังวัดเพชรสมุทรวรวิหาร อยู่ห่างจากตลาดเพียง ๒๐๐ เมตร เพื่อไปขึ้นเรือต่อไปยังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ ภายในบริเวณวัด มีลานจอดรถกว้างขวาง และเป็นที่ตั้งของท่าเรือ โดยที่เป้าหมายต่อไปคือนั่งเรือหางยาวจากท่าน้ำวัดไปยังกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์



ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านริมคลองโฮมสเตย์ จะได้เรียนรู้กิจกรรมที่เสริมสร้างความรู้ด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังได้เรียนรู้วิถีชุมชนที่ผูกพันกับการเกษตร ศิลปหัตถกรรมและวัฒนธรรมพื้นบ้าน และที่สำคัญคือชีวิตที่ผูกพันกับมะพร้าว มีการต่อยอดกิจกรรมต่างๆ ที่ทำมาจากมะพร้าว และได้เรียนรู้คุณประโยชน์จากมะพร้าวตั้งแต่ต้นไปจนลูกมะพร้าว นอกจากนี้ยังเป็นชุมชนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร มีการทำเกษตรปลอดสาร ทำปุ๋ยอินทรีย์ และมีกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติ

เดินทางมาเรียนรู้ชีวิตวิถีป่าชายเลนกันต่อที่ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน ทีนี่มีประวัติความเป็นมาที่น่ายกย่องและน่าภูมิใจ เพราะเป็นผืนป่าที่ชาวชุมชนตำบลคลองโคนร่วมแรงร่วมใจกันปลูกป่าขึ้นมาตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปี นอกจากจะได้เรียนรู้เรื่องระบบนิเวศป่าชายเลนในทางทฤษฎีแล้ว ยังสามารถลงมือปฏิบัติเป็นนักปลูกป่าด้วยเช่นกัน


วันที่ 2

ตลาดน้ำบางน้อย - พิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ - ชุมชนบ้านบางพลับ - หินตก ริเวอร์ แคมป์ ณ ช่องเขาขาด รีสอร์ท

เช้าวันใหม่ พระอาทิตย์ใกล้โผล่พ้นขอบฟ้า หากเป็นวิถีชีวิตของชาวอัมพวา ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมคลอง จะมารอตักบาตรพระที่พายเรือมารับบิณฑบาตรบริเวณท่าน้ำ มีโอกาสมาพักริมคลองแล้ว สามารถมารอตักบาตรพระได้ในยามเช้า นอกจากจะได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบคนอัมพวาจริงๆ ยังได้อิ่มบุญกันอีกด้วย